ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) เป็นปัญหามลพิษทางอากาศที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนทั่วโลก โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่สภาพอากาศแห้งและเกิดการเผาไหม้เชื้อเพลิงมากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณฝุ่นละอองในอากาศเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา เช่น หายใจลำบาก ไอ จาม ระคายเคืองตา จมูก และคอ ไปจนถึงโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคปอด
ดังนั้น ในช่วงฤดูกาลที่มีมลพิษสูง จึงควรมีแนวทางในการรับมือกับ PM 2.5 เพื่อลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ ดังนี้
1. ใส่หน้ากากอนามัย
หน้ากากอนามัยเป็นวิธีป้องกันฝุ่นละออง PM 2.5 ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ควรเลือกหน้ากากอนามัยที่มีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นละอองได้สูง เช่น N95 หรือ P100 โดยควรสวมหน้ากากอนามัยให้แนบสนิทกับใบหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นละอองเข้าไปสัมผัสกับทางเดินหายใจ
2. หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ที่มีมลพิษสูง
ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ที่มีมลพิษสูง เช่น บริเวณที่มีการก่อสร้าง บริเวณที่มีการทำการเกษตรเผา บริเวณที่มีรถติด เป็นต้น หากจำเป็นต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีมลพิษสูง ควรใช้เวลาให้น้อยที่สุด และควรใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันฝุ่นละออง
3. ปิดหน้าต่างและประตู
ควรปิดหน้าต่างและประตูให้แน่นหนาเพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นละอองจากภายนอกเข้ามาภายในบ้านหรืออาคาร
4. ทำความสะอาดบ้านเรือน
ควรทำความสะอาดบ้านเรือนอย่างสม่ำเสมอ โดยใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดถูเฟอร์นิเจอร์และพื้นบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นละอองสะสม
5. ปลูกต้นไม้
ต้นไม้สามารถช่วยดูดซับฝุ่นละอองและมลพิษทางอากาศได้ จึงควรปลูกต้นไม้รอบบ้านหรืออาคารเพื่อช่วยลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ
6. ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม
หากต้องออกกำลังกาย ควรเลือกออกกำลังกายในช่วงที่มีปริมาณฝุ่นละอองในอากาศต่ำ เช่น ในช่วงเช้าตรู่หรือช่วงเย็น และควรสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันฝุ่นละออง
7. ดูแลสุขภาพ
ควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดยรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ
นอกจากนี้ ภาครัฐและภาคเอกชนควรร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ โดยรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงปัญหามลพิษทางอากาศ และดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ เช่น การควบคุมการปล่อยมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม การควบคุมการเผาในที่โล่ง และการปลูกต้นไม้ เป็นต้น
หากเราทุกคนร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ก็จะช่วยให้ปริมาณฝุ่นละอองในอากาศลดลง และลดความเสี่ยงต่อสุขภาพของประชาชนได้